วันศุกร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2557

พิธีครอบมือ

พิธีครอบมือ
                เป็นพิธีกรรมที่ดำเนินติ่เนื่องจากพิธีไหว้ครูบ้างก็เรียกว่าพิธีครอบครู คือ ครูผู้ประกอบพิธีจะนำเอารูปหนังตะลุง ตัวฤๅษีซึ่งถือว่าเป็นครูหนังตะลุงมาวางบนหลังของศิษย์ โดยวางทาบลงบนหลัง 3 ครั้งพร้อมบริกรรมคาถา ซึ่งเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่าศิษย์ได้รับการยอมรับว่าเป็นศิลปินหนังตะลุงที่สมบูรณ์ สามารถเป็นครูสอนผู้อื่นได้และประกอบพิธีเกี่ยวกับหนังตะลุงได้

                หลังจากศิษย์รับมอบรูปฤๅษีจากครูแล้ว ศิษย์ผู้นั้นจะต้องเล่นหนังตะลุงถวายครูเพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย จึงเป็นอันเสร็จพิธีครอบมือ

พิธีไหว้ครู

พิธีไหว้ครู               
 การไหว้ครูเป็นพิธีกรรมที่สำคัญของศิลปินหนังตะลุงซึ่งจะมีรูปแบบแตกต่างกันไปตามครูผู้ประกอบพิธีได้รับการสืบทอดมา ซึ่งในการสัมภาษณ์ครูสุมล ศักดิ์แก้วได้รับการถ่ายทอดมาจากหนังล้อม สละกำ ผู้เป็นอาจารย์หนังตะลุงมีลักษณะคือ มีการกำหนดวัดประพิธีไหว้ครูเป็นวันพฤหัสบดีในเวลากลางคืน โดยพิธีการมีดังนี้
1.             พิธีสงฆ์ เริ่มขึ้นในเวลาตอนเย็นของวันพฤหัสบดี ในพิธีสงฆ์ครูผู้ประกอบพิธีและศิษย์ที่เข้าร่วมพิธีกราบครูและครอบมือจะเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งเชื่อว่าเป็นการชำระร่างกายและจิตใจให้มีความบริสุทธิ์
2.             พิธีไหว้ครูมีดังนี้
-                   พิธีขอที่ เป็นการบอกกล่าวต่อพระภูมิเจ้าที่ โดยบอกกล่าวตรงหน้าโรงหนังตะลุง จากนั้นจึงขึ้นโรงหนังตะลุง
-                   พิธีบูชาพระรัตนตรัยและบูชาเทวดา เป็นการกล่าวสรรเสริญพระรัตนตรัย จากนั้นกล่าวบทบูชาเทวดา ในตอนท้ายของพิธีจะเป็นการเสกน้ำมนต์ เสกแป้งกระแจะไหว้ประพรมและเจิมรูปหนัง เจิมหน้าผากแก่เหล่าศิษย์

-                   พิธีบูชาครูหรือเชิญครูเป็นการกล่าวคำสรรเสริญถึงครูของหนังตะลุง เช่น ครูฤๅษี ครูพิราพหน้าทอง ครูหนังตะลุง เพื่อเชิญมารับเครื่องสังเวย และเชื้อเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาประจำในมณฑลพิธี เสร็จแล้วจึงถวายเครื่องเซ่นสังเวย ลาเครื่องเซ่นสังเวยและเซ่นสังเวยเป็นอันเสร็จพิธี

พิธีกรรมการแก้บน

พิธีกรรมการแก้บน
                การแก้บนมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภทคือ การบนแบบเหมรยปากและการบนแบบเหมรยห่อ ซึ่งในการแก้บนจะนิยมแก้ในวันเสาร์และวันอังคาร ห้ามแก้บนในวันพระ ซึ่งเชื่อกันว่าหากแก้บนในวันพระจะถือเป็นการทำบาปโดยการฆ่าสัตว์ โดยมีลำดับขั้นตอนดังนี้
1.             เริ่มตั้งแต่ลำดับขั้นของการแสดงโดยการโหมโรง เป็นการบรรเลงดนตรีล้วนๆ การโหมโรงนิยมเริ่มด้วยเพลงปี่ โดยบรรเลงเพลงพัดชา ซึ่งถือกันว่าเป็นเพลงครู
2.             ออกรูปฤๅษี หนังตะลุงถือว่าเป็นพิธีครูที่ศักดิ์สิทธิ์ให้มาปัดเป่าเสนียดจัญไรหรือสิ่งที่เป็นอัปมงคล
3.             ออกรูปพระอิศวร หนังตะลุงถือว่าพระอิศวรเป็นเทพแห่งศิลปะ
4.             ออกรูปปรายหน้าบท หนังตะลุงถือว่าเป็นตัวแทนของนายหนัง นายหนังจะขับบทกลอน ทำการบุชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
5.             การทำพิธีแก้บน เจ้าภาพจะต้องเตรียม หมาก 9 คำ เทียน 9 เล่ม ดอกไม้ 9 ดอกและเงินกำนนท์ให้ลงเลข 9 สำหรับใส่พานครู และให้เจ้าภาพเตรียมเทียน 1 เล่ม หมาก 1 คำ ดอกไม้ 1 ดอก และน้ำ 1 แก้วเพื่อวางไว้หน้าโรงหนังตะลุง จากนั้นนายหนังตะลุงจุดเทียนลาย ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นการเชิญครู โดยให้เจ้าภาพเตรียมหมากอีก 1 คำ เทียน  1 เล่มเพื่อใช้ในการตัดเหมรย จากนั้นให้เจ้าภาพเทียน 1 เล่ม หมาก 1 คำ ดอกไม้ 1 ดอก และน้ำ 1 แก้วที่เตรียมไว้ไปตั้งบนไม้ที่เตรียมไว้ที่บริเวณหน้าโรงหนังตะลุง และให้เจ้าภาพมากาศสิ่งศักดิ์สิทธ์ว่าบนอะไร และได้รับหนังตะลุงมาแสดงเพื่อเป็นการแก้บนแล้ว จากนั้นการแก้บนจะมีด้วยกัน 2 รูปแบบดังนี้
-                   เหมรยปาก นายหนังจะร้องบทประกาศซึ่งเป็นกลอนแปด เนื้อหาที่ร้องนั้นเป็นไปตามที่ผู้บนได้ให้ข้อมูลไว้ และจัดการแก้บน ดนตรีทำเพลงเชิดเป็นการอันเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มารับรู้และรับเอาเหมรยไป ซึ่งมีความเชื่อกันว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้คือท้าวเวชสุวรรณ คือ เจ้าของเหมรย แล้วจากนั้นจึงออกรูปฤๅษีมาเป็นครูที่จะรับเหมรยไปซึ่งเชื่อว่ารูปฤๅษีเปรียบเสมือนครูและออกรูปตัวตลกเพื่อเป็นพยานในการแก้บนและทำพิธีบริกรรมคาถาโดยการเอาหมาก 1 คำ เทียน 1 เล่ม เงินกำนนท์มากำไว้จากนั้นใช้มืดหมอตัดหมากให้ขาดเป็นสามท่อน โดยบริกรรมคาถาจบหนึ่งรอบตัดหมากหนึ่งครั้งและทำไปเรื่อยๆจนครบ เมื่อตัดเหมรยขาดเสร็จให้ฤๅษีพาเหมยออกไปแล้วให้ฤๅษีกลับมาจนครบทั้งสามรอบ จากนั้นให้ลูกคู่ตีกลอง 3 ครั้ง ซึ่งเชื่อว่าเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย เป็นสัญญาณแห่งการรับรู้แล้วให้บอกเจ้าภาพว่า “ขาดกันแล้ว” แล้วเจ้าภาพตอบรับว่า “ขาดแล้ว”

-                   เหมรยห่อ เป็นพิธีกรรมการแก้บนที่ใกล้เคียงกับการแก้เหมรยปาก แต่แตกต่างตรงที่หลังจากนายหนังร้องบทประกาศได้เชิญเจ้าเหมรยมาดูหนังจากนั้นได้แสดงหนังตะลุงเรื่องรามเกียรติเช่นตอน ลิงดำลิงขาว,เจ้าบุตรเจ้าลพ ซึ่งมีความเชื่อกันว่าเรื่องราวเล่านี้เป็นการทำลายแยกสิ่งใดสิ่งหนึ่งออกจากกัน ซึ่งถือเป็นเคล็ดลับในการตัดเหมรย ก่อนตัดเหมรยให้นำเหมรยที่ห่อไว้มาให้นายหนังตะลุงทำพิธีซึ่งถือว่าเป็นการขาดเหมรย

“ ความเชื่อที่เกี่ยวกับพิธีกรรมของหนังตะลุง ”


พิธีกรรมก่อนการแสดง
1.             การสำรวจที่ตั้งโรงหนังตะลุง ในปัจจุบันต้องดูทำเลในการปลูกโรง เช่น การตั้งโรงซึ่งมีข้อห้าม คือ ในงานศพไม่นิยมหันหน้าโรงหนังตะลุงไปหน้าโลงศพแต่ถ้าไม่สามารถเลี่ยงได้ให้ตั้งโรงหนังตะลุงเฉียงออกจากหน้าโลงศพ ซึ่งมีความเชื่อกันหากตั้งโรงหนังตะลุงหันหน้าไปหน้าโลงศพจะเป็นสิ่งอัปมงคล ว่าอาจจะหนังเล่นหนังไม่ออก คือ เล่นหนังไม่ลื่นไหลอาจมีปัญหา อุปสรรค หรือเกิดสิ่งที่ไม่เป็นมงคล ซึ่งการยึดถือปฏิบัติของนายหนังจะไม่เหมือนกันและแตกต่างกันออกตามความเชื่อ
2.             การเดินเวียนโรงหนังตะลุง เป็นการเดินของนายหนังตะลุงที่เดินเวียนไปทางด้านขวาหรือเดินตามเข็มนาฬิกา ซึ่งเดินเวียนโรงหนังตะลุง 3 รอบพร้อมบริกรรมคาถา ซึ่งมีความเชื่อกันว่าเป็นการแก้เคล็ด ปัดเสนียดจัญไรและป้องกันตัวเองจากการทำไสยศาสตร์หรือสิ่งไม่ดีใส่กัน จากนั้นนายหนังตะลุงจึงขึ้นโรงหนังตะลุง
3.             การเบิกโรงเป็นพิธีกรรมก่อนการแสดง เป็นการทำพิธีเอาฤกษ์ขอที่ตั้งโรงหนังตะลุงและปัดเป่าเสนียดจัญไร ซึ่งในการเบิกโรงใช้ดอกไม้ ธูปเทียน หมากพลูและเงินกำนนท์ในบางคณะใช้ 3 ชุด หรือ 9 ชุดก็ได้ ซึ่งเงินกำนนท์ในการเบิกโรงให้ลงด้วยเลข 9 เช่น 9 บาท 29 บาท 39 บาท 399 บาท ซึ่งเชื่อกันว่าเลข 9 เป็นเลขมงคงแสดงถึงความก้าวหน้า จากนั้นมีการไหว้พระ ตั้งนโม 3 จบแล้วไหว้พระ ตั้งสัคเค ตั้งธรณีศาลและมีคาถาเบิกโรง โดยทำพิธีบริเวณหน้าจอหนังตะลุงจากนั้นจุดธูปเทียน จากนั้นนำหมากที่เตรียมไหว้มาเขียนอักขระด้วยกัน 3 คำ โดยหมากคำแรกเขียนคำว่า “มะ” หมากคำที่สองเขียนคำว่า “อะ” และหมากคำที่สามเขียนว่า “อุ” โดยนำหมากคำแรกไปจุดในหยวกกล้วยหรือที่เรียกว่าจุกอกแล้วท่องคาถา หมากคำที่สองจะเสกหมากแล้วใส่ในทับพร้อมบริกรรมคาถา และหมากคำที่สามไหว้บนเพดานหนังตะลุง แต่ในปัจจุบันโรงหนังตะลุงได้มีการเปลี่ยนแปลงไปโดยหมากคำแรกจะใส่ไว้ที่หัวหยวก หมากคำที่สองจะใส่ไว้ที่หลอดไฟหน้าจอหนังตะลุง และหมากคำที่สามใส่ไว้ที่ปลายหยวก ซึ่งมีความเชื่อกันว่าอักขระที่เขียนลงบนหมากได้รับอิทธิพลมากจากศาสนาพราหมณ์คือเทพเจ้าทั้ง 3 โลก ได้แก่ พระวิษนุ พระนารายณ์และพระศิวะ ซึ่งเชื่อว่าเป็นการขอเจ้าที่เจ้าทางและขจัดปัดเป่าอุปสรรคในการแสดง
ในงานศพหลังจากเบิกโรงนายหนังให้เจ้าภาพจัดที่ 12 มา 1 ชุด และนายหนังตะลุงทำน้ำมนต์บริกรรมคาถา บางคนใช้หญ้าคา เขียงพร้าหรือหางมะพร้าวมาประพรมให้ทั่วบริเวณโรงหนังตะลุงและเซ่นสังเวยที่ 12 มีการจุดเทียนอันเชิญสิ่งศักดิ์สิทธ์มารับเครื่องสังเวยและเชื่อการกันว่าการจัดที่ 12 อาจจะมาจากการคำนวณที่ว่า 1 ปีมี 12 เดือนหรือปี 12 นักสัตว์

หลังจากเสร็จพิธีเบิกโรงหนังตะลุง นายหนังจะทำพิธีปลุกตัวให้ขลังก่อนกานแสดง โดยมีความเชื่อว่าเป็นการทำสมาธิ แน่วแน่ ไม่วอกแหวกเนื่องจากนายหนังตะลุงต้องทำบริกรรมคาถาสมาธิจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง